Discussion Forum View and Sign Guestbook Sitemap Contact Us

 • What's New
 • Profile
 • Filmography
    - ฮว่าหุน
      (La Peintre)

    - หนู่เอ๋อกู่
      (Penitentiary
      Angel)

    - หยวนเฟิ้น 2000
      (Deja Vu 2000)

    - พายุดาบดวลสะท้าน
      ฟ้า(The Duel)

    - เสียหนี่ฉ่วงเทียน
      กวน (Swordgirl)

    - ฉิงเซินเซิน หวี่หมง
      หมง (Romance
      In The Rain)

    - เส้าหลินจู๋ฉิว
      (Shaolin Soccer)

    - เทียนตี้อิงสง
      (The Heroes of
      Heaven & Earth)

 • Discography
 • Music Video
 • News
 • Gallery
 • Commercial
 • Fanclub
 • Miscellaneous
 • Link
Last updated:Oct 13, 2000

ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง - พรีวิว 2
(Love and Rain)

[ เรื่องย่อ | พรีวิว 1 | พรีวิว 2 | พรีวิว 3 | พรีวิว 4 | พรีวิว 5 | พรีวิว 6 | พรีวิว 7 | พรีวิว 8 | รูปภาพ 1
| Animated Preview | Download | Postcard Book | Memoir Book ]

crown559.jpg
เริ่มจาก Cover Story - ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง

เขียนโดย ฉงเหยา

    เดือนเมษายน วันที่ 25 ละครของฉัน "ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง" ก็ได้เปิดกล้องที่เซี่ยงไฮ้ในที่สุด ละครทีวีชุดนี้เป็นการผลิตของ China International TV บริษัทลูกของสถานี CCTV ตอนแรกฉันคิดว่า ฉันจะทำตัวเป็นเพียงแค่แขกคนหนึ่ง อยู่เงียบๆ ไม่โหมงานหนักเหมือนเมื่อก่อน ใครจะรู้ ฉันเป็นคนบ้างาน เป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ แบบที่หายาแก้ไม่ได้ ตั้งแต่ทรงผมถึงเสื้อผ้า เบื้องหลังถึงเบื้องหน้า เพลงร้องถึงเพลงประกอบ เนื้อเรื่องถึงนักแสดง...... ฉันเข้าไปยุ่งหมด CCTV ทำงานกับฉันครั้งแรก พวกเขาก็ค่อนข้างซีเรียสกับงาน หากมีปัญหาแก้ไม่ตก พวกเขาก็จะมาขอความเห็นจากฉัน สรุปแล้ว ฉันเข้าไปมีส่วนร่วม กับละครเรื่องนี้ มากกว่าเรื่องอื่นๆเสียอีก ฉันมักจะพูดว่า "ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง" (รักลึกลึก ฝนพรำพรำ) ควรเปลี่ยนชื่อเป็น "ฉิงเซินเซิน ซื่อตัวตัว" (รักลึกลึก เรื่องมากมาก)

    ทุกคนคงจะเห็นหน้าปก Crown Magazine (รูปบน) เดือนนี้แล้ว เป็นซินหยูใส่กี่เพ้าสีแดง ปล่อยผมยาวสลวย พวกคุณรู้สึกว่า มันให้ความแปลกใหม่บ้างไหม? จริงๆแล้ว ซินหยูชอบสีพาสเทล ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็น กี่เพ้าปักรูปแอ๊ปเปิ้ลสีเขียว ตอนแรกๆ เธอค่อนข้างปฏิเสธ กี่เพ้าสีแดงตัวนี้ แต่ฉันยืนยันให้เธอใส่ พยายามพูดโน้มน้าวเธอ เป็นชุดที่ซินหยูแต่งเต็มยศที่สุดในละคร ซินหยูได้ดูเทปที่ถ่ายออกมาแล้ว ถึงได้เชื่อว่า เธอดูสวยขนาดนั้นจริง

    โดยความเป็นจริง ข่าวลือที่ว่า 2 องค์หญิงไม่พอใจเสื้อผ้า และทรงผม ออกมาหนาหู ตั้งแต่ละครยังไม่ทันเริ่มถ่ายทำด้วยซ้ำ จริงๆแล้ว เสื้อผ้าและทรงผม เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันปวดหัวที่สุด สำหรับละครเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเขียนบท โดยใช้ background ของหนังเป็นเซี่ยงไฮ้ปี 1936 ฉันค้นคว้าจากนิตยสารสมัยนั้นหลายฉบับ เพื่อหาแรงจูงใจ ตอนที่ฉันเริ่มเขียนบท ซิ่วฉง(ลูกสะใภ้ของฉงเหยา) กับเหล่าดีไซเนอร์ ก็เริ่มออกแบบเสื้อผ้ากัน พวกเราหาจากหนังสือ เล่มแล้วเล่มเล่า รวมทั้งโฆษณาบุหรี่ รูปดาราสมัยนั้น หนังสมัยนั้น และรูปภาพเก่าๆสมัยนั้น ในห้องของฉัน เต็มไปด้วยของพวกนี้ ในใจคิดว่า ไม่ได้ถ่ายหนังกำลังภายในย้อนยุค หมวกเอย รองเท้าเอย คงไม่ต้องกังวลมาก นอกจากนี้ เราก็มีข้อมูลให้อ้างมากอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร! ตอนนั้นคิดไม่ถึงจริงๆ ฉันเองก็ค้นคว้ามามาก เตรียมงานมานาน เรื่องเสื้อผ้า กลับกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ ที่ต้องขบคิด

preview22.jpg
    ที่แท้เซี่ยงไฮ้ปี 1936 เป็นเมืองที่มีความพิเศษเป็นของตนเอง มีทั้งอาณาเขตของชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส และชาวต่างประเทศชาติอื่นๆ ที่มีเงินมาอาศัยอยู่ คนจีนจึงได้รับอิทธิพลไปโดยปริยาย เสื้อผ้าจึงมีทั้ง ที่เป็นกี่เพ้าและชุดสากล ก่อนที่พวกเราจะตัดชุด ก็ได้คุยกับนางเอกทั้งสองก่อน ซินหยูพูดว่า "ฉันใส่กี่เพ้าไม่น่าดู ฉันผอมไป ฉันชอบใส่ชุดสากล ใส่ชุดสากลเถอะ!" ส่วนเจ้าเวยก็พูดว่า "ฉันก็ใส่กี่เพ้าไม่น่าดู ฉันอ้วนเกินไป กี่เพ้าทำฉันแก่ ฉันก็อยากใส่ชุดสากล!"

    ดีไซเนอร์หนุ่มของเราที่ชื่อ เสี่ยวตู้ เคารพความคิดเห็นของ 2 นางเอกมาก ดงันั้น ชุดของตัวละครรุ่นพ่อแม่ จะเป็นชุดยาวติดกันและกี่เพ้า ส่วนของตัวละครรุ่นลูก จะเป็นเสื้อสูทและชุดแบบสากล สำหรับของ 3 ตัวละครนำชายไม่มีปัญหา เนื่องจาก ชุดสูทสากลสมัยนั้น กับสมัยนี้ไม่แตกต่างนัก มีต่างก็เพียง ความกว้างของปกและขากางเกง พวกเราตัดชุดตามสไตล์ของตัวละคร อย่างกู่จวี้จีที่เล่นเป็นซูหวน ที่เกิดมาในตระกูลผู้มีความรู้ เป็นนักข่าว จะใส่ค่อนข้างเป็นทางการหน่อย ซูโหย่วเผิงที่เป็นตู้เฟย ที่เป็นคนไม่พิถีพิถัน ก็จะแต่งแบบง่ายๆหน่อย เกาซินที่เป็นเอ่อหาว เป็นลูกผู้ดีร่ำรวย ใส่ค่อนข้างพิถีพิถัน

    ในละคร ตัวละครนำหญิงมีมาก นอกจากเจ้าเวยกับซินหยู ที่เป็นยีผิงกับหยูผิงแล้ว ยังมีฟังหวี เข่อหวิน ม่งผิง และเสวี่ยฉินที่สวยไม่สร่าง เสวี่ยฉินไม่มีปัญหา ทั้งหมดเป็นกี่เพ้าที่สวยงาม บวกกับเสื้อคลุม ดูแล้วสบายตา แต่ว่าชุดสากลนี่สิ นักแสดงนำหญิง 2 คนไม่ชอบใจกับชุดสากลสมัยเก่า ที่ประดับด้วยใบบัว ทั้งสองคนต่างพูดว่า "เชยจัง!" เชย? ละครของฉันพิถีพิถันแต่ไหนแต่ไรมา เสื้อผ้าจะเชยได้ยังไง ฉันพูดว่า "ทำมาให้เลือกมากกว่านี้หน่อยละกัน" ผลก็คือ ดีไซเนอร์ยุ่งกับการออกแบบ และตัดชุดทั้งวี่ทั้งวัน ตอนที่เพิ่งเริ่มถ่ายทำ ยังไม่มีปัญหาเรื่อง ปะติดปะต่อชุดให้เข้ากับเนื้อเรื่องที่ต่อกัน แต่ละครั้งที่ถ่ายทำ ดีไซเนอร์จะนำเอาชุด 2 แบบมาให้นักแสดงเลือก อันนึงแบบเก่าหน่อย อีกอันทันสมัยหน่อย นักแสดงแต่ละคน ก็จะเลือกแบบที่ตนเองชอบ 2 อาทิตย์ผ่านไป ผู้กำกับส่งเทปมาให้ฉันที่ไทเป ฉันดูแล้วก็ตกใจ รีบโทรไปเซี่ยงไฮ้ "ทำไมพ่อแม่ปี 1936 ถึงมีลูกปี 2000 ได้ละเนี่ย?" กองถ่ายตกใจ ซินหยูกับเจ้าเวยก็ตกใจ เปลี่ยนใหม่! ต้องเปลี่ยนใหม่!

preview23.jpg
    ฉันคิดแล้วคิดอีก ถ้าหากทำให้ชุดสากลดูโมเดิร์นขึ้น คงจะกลายเป็นเหมือนกับสมัยนี้ ยิ่งสมัยนี้ ชอบเลียนแบบแฟชั่นสมัยก่อน เช่น เลื่อม ลูกปัด อยู่ด้วย แบบนี้ จะดูออกได้ยังไงว่าเป็น 1936? สุดท้าย ฉันก็ตัดสินใจได้ โทรกลับไปเซี่ยงไฮ้ "ไม่สนว่าจะใส่กี่เพ้าไม่สวย ยุคนั้น ต้องเน้นกี่เพ้าไว้ก่อน เพราะฉะนั้นรีบทำกี่เพ้า นอกจากม่งผิงที่ยังเด็กแล้ว คนอื่นต้องใส่กี่เพ้าเป็นหลัก ชุดสากลเป็นรอง!"

    ทีมงานทั้งกองวุ่นวาย ก็เพราะคำพูดของฉัน ทำกี่เพ้า ทำกี่เพ้า ทำกี่เพ้า หยุดทำชุดสากล วันวันมีแต่กี่เพ้า แต่เนื่องจากว่า ละครถ่ายทำกันทุกวัน แต่ชุดกี่เพ้านั้น ตัวหนึ่งต้องใช้เวลาทำหลายวัน ยิ่งถ้าต้องประดับลวดลายแล้ว 2 อาทิตย์ถึงจะได้ซักชุด ทำไงดี? ทำไงดี? ฉันตัดสินใจ รวบรวมคนจาก 3 ทิศในเวลาเดียวกัน เซี่ยงไฮ้ทำกี่เพ้าให้ "ฉิงเซินเซินฯ" ฮ่องกงก็ทำกี่เพ้าให้ "ฉิงเซินเซินฯ" ไต้หวันก็ทำกี่เพ้าให้ "ฉิงเซินเซินฯ" ดีไซเนอร์จาก 2 ฝั่ง 3 แผ่นดินเพื่อ "ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง" ทำแต่กี่เพ้า ในที่สุด ภายใน 10 วัน ก็ได้กี่เพ้าออกมา 50 ชุด!

    ต้นเดือน 6 ฉันหอบเอากี่เพ้า 2 กระเป๋าสุดท้ายไปเซี่ยงไฮ้ ได้พบหน้ากับเหล่านักแสดงของฉัน ฮ่า! เพื่อใส่กี่เพ้า ซินหยูอ้วนขึ้น 3 กิโล หุ่นสเลนเดอร์ เพิ่มตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย พอใส่กี่เพ้าแล้ว เหมือนสาวน้อยที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันดูแล้วก็พอใจมาก เจ้าเวยล่ะ? ผอมลงไปเป็นกอง เอวคอด อรชรอ้อนแอ้น พอใส่กี่เพ้าปักลายดอกไม้เข้าไป อย่างกับดรุณีหยก! 2 สาวเกาะฉันไม่ปล่อย ร้องว่า "น้าจ๋า! น้าแกล้งพวกเราเหรอ? ทำเอาพวกเราต้องชั่งน้ำหนักทุกวัน ลดน้ำหนัก ลดเอว ก็เพราะกลัวว่าจะแพ้องค์หญิงอีกคน! ตอนนี้ พวกเราเป็นคนยุค 1936 รึยัง?" ฉันได้แต่หัวเราะ จริงๆแล้ว พวกเธอยังไง้ ยังไง ก็ไม่ใช่ 1936 เสื้อผ้าของพวกเธอ มันสมัยใหม่เกินไป ไม่ว่าจะเป็นกี่เพ้าหรือชุดสากล ถ้าหาก 'เชย' อีกสักนิด นั่นถึงจะเป็น 1936! ฉันเอารูป "ผีเสื้อ" ให้พวกเธอดู องค์หญิงทั้งสองพูดอย่างดีอกดีใจว่า "ยังดีนะเนี่ย ที่พวกเราไม่ได้เลียนแบบยุคนั้นทั้งหมด"

    กองถ่ายเห็นเสื้อผ้า 2 กระเป๋าใหญ่ที่ฉันหอบไป ก็ดีใจนึกว่า ปัญหาต่างๆคงจะสะสางหมด แต่ว่า ตอนนี้มันกลับยุ่งยากขึ้น มีทั้งกี่เพ้าทั้งชุดสากล และยังมีชุดประจำฤดูต่างๆ แล้วตกลงฉากไหนใส่อันไหนล่ะ? ฉันไปที่ห้องเสื้อผ้า เห็นเสื้อผ้าแขวนเต็มไปหมด มึนหัวเลย รีบตัดสินใจ ฉันจะจัดการเอง การมาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ของฉัน กลายเป็นการมาทำงาน ฉันล็อคตัวเองในห้องเสื้อ 5 วัน พร้อมกับผู้ช่วย เสี่ยวฉางจื่อ และผู้ช่วยผู้กำกับ เสี่ยวเมิ่ง จัดการแยกชุดของ 2 นางเอกให้เสร็จ และใช้กล้องถ่ายรูปเอาไว้ แยกเป็น 2 อัลบั้ม งานนี้ใช้ความอุตสาหะมาก แม้แต่ข้าวฉันยังกินปิ่นโตเอา ให้คนส่งเข้ามาในห้อง ในละคร มีฉากฤดูหนาวหลายฉาก ดังนั้น เราจึงตระเตรียมเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ เสื้อโค้ทด้วย แต่ว่า ตอนนั้นที่เซี่ยงไฮ้ อากาศร้อนกว่า 40 องศา แม้ว่าเหล่านักแสดงจะรู้ว่า น้าทุ่มเทจัดการไปมาก พวกเขาก็ขอร้องฉัน หวังว่าจะเลี่ยงเสื้อโค้ทและผ้าพันคอ เพราะว่ากลัวพวกเขาเป็นไข้ ฉันก็เลยเห็นด้วย พยายามให้พวกเขาใส่บางที่สุด แม้ว่าจะเป็นฉากหน้าหนาว

preview24.jpg
    ไม่มีละครเรื่องไหน ทำฉันยุ่งอย่างนี้มาก่อน ตอนนี้ พวกเราเผยภาพ 2 นางเอกใส่กี่เพ้าให้ดู พวกคุณคิดว่า พวกเธอใส่กี่เพ้าแล้วดูดี? หรือว่าชุดสากลดี? พวกคุณคิดว่า พวกเธออยู่ในยุค 1936? ถ้าตอบว่าไม่ อย่ามาบอกฉันนะ มันก็แค่ถ่ายละครน่ะ เอาจริงนักไม่ได้ ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนซะที อย่างไรใน "ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง" ก็มีซินหยูกับเจ้าเวยคนใหม่ใช่ไหม?

    ทรงผมของเจ้าเวย เป็นความลำบากของทีมออกแบบอีกจุดหนึ่ง รูปห้าของเธอ ไม่เข้ากับทรงผมฮิตๆในยุคนั้น มีมุมมีเหลี่ยม เป็นระลอกคลื่น สถานี CCTV เคยถ่ายทำละครยุคนั้นมามาก แต่ก็ไม่มีทรงผมไหน สามารถดึงเอาความงาม ของเจ้าเวยออกมาได้ นอกจากนี้ เจ้าเวยจำเป็นต้องทำผมหลายทรงในละคร ยิ่งกลุ้มใจ ก่อนละครจะเริ่มถ่าย ทีมงานพยายามแต่งผมให้เจ้าเวย ไม่ได้หยุด แล้วก็ email มาให้ฉันดู ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ทำให้ฉันได้เข้าไปมีส่วนร่วม แม้ว่าจะอยู่ที่ไทเป ดังนั้นเราจึงปรึกษากัน และเลือกออกมาได้หลายแบบ หนึ่งในนั้นมีแบบผมสั้น ดูแล้วอาจจะสมัยใหม่ไปหน่อย แต่มันก็ดูสบายๆเรียบง่าย พวกคุณคิดว่ายังไง?

    "ฉิงเซินเซิน หวี่หมงหมง" ไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าธรรมดา แต่ยังมีส่วนที่เป็นหัวใจ ซึ่งก็คือ การเป็นนักร้องของยีผิง เสื้อผ้าในการแสดงที่ "ต้าซ่างไห่Dance Hall" (ในยุคนั้น Dance Hall เป็นสเน่ห์ของเซี่ยงไฮ้ ก็เหมือนกับไนท์คลับสมัยนี้) จะโชว์การเต้นรำ ร้องเพลง ที่เป็นจุดเด่นของเมืองที่ไม่หลับ จะทำอย่างขอไปทีได้อย่างไร? ชุดพวกนี้ เป็นผลงานการคัดสรรของฉัน เสี่ยวตู้ และซิ่วฉงทีละชุดๆ ที่มาของพวกมันก็ไม่ธรรมดา บางชุดมาจากอเมริกา บางชุดมาจากยุโรป แน่นอนมีจากไทเปกับฮ่องกงด้วย แต่ละชุดทำให้คนตกตะลึง เจ้าเวยจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดเกือบทุกเวที สำหรับการแสดงที่ "ต้าซ่างไห่" (Big Shanghai Dance Hall) ตอนที่ถ่ายทำฉากช่วงนี้ พอดีฉันอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ จึงได้ดูทุกวัน เจ้าเวยพูดอย่างมีความสุขว่า "ฉันไม่เคยสวยแบบนี้มาก่อน ตอนนี้รู้แล้ว ว่าทำไม น้าถึงให้ฉันใส่เรียบๆตอนต้นเรื่อง ถ้าไม่เช่นนั้น คงไม่มีข้อเปรียบเทียบ ตอนนี้ก็คงไม่ออกมาสวยพริ้งอย่างนี้!"

เนื้อหาจาก Taiwan Crown Magazine (9/2000), รูปจาก King

[ เรื่องย่อ | พรีวิว 1 | พรีวิว 2 | พรีวิว 3 | พรีวิว 4 | พรีวิว 5 | พรีวิว 6 | พรีวิว 7 | พรีวิว 8 | รูปภาพ 1
| Animated Preview | Download | Postcard Book | Memoir Book ]

Copyright © 2000 - 2001 Sawasdee! Vicki Thailand Fanclub (Unofficial)
Website Managed and Constructed by: NuWee